ปัจจุบัน ไฟล์ที่เราใช้งานกันอยู่ มีขนาดใหญ่ขึ้น อาทิ ไฟล์รูปถ่ายจากสมาร์ทโฟน เมื่อมีไฟล์ที่ใหญ่ขึ้น ก็เชื่อว่าทุกท่านคงจะสมัครใช้บริการฝากไฟล์หรือที่เข้าใจกันในชื่อ Cloud แต่ในบทความนี้ ครูไอทีจะมาแนะนำเว็บไซต์และหรือแอปพลิเคชันที่จะให้เราได้เก็บข้อมูลกันแบบฟรีๆ มานำเสนอ พร้อมแล้วไปเริ่มกันเลย
1. Google Drive ผู้ให้บริการรายใหญ่ สำหรับบัญชี Gmail.com มีพื้นที่เก็บขนาด 15GB ซึ่งถือว่าเยอะพอสมควร ต่อการใช้งานส่วนตัว อีกทั้งชื่อเสียงของ Google ก็การันตีความน่าเชื่อถืออยู่มากทีเดียว
2. OneDrive ค่ายซอฟต์แวร์ยักษ์ใหญ่อย่างไมโครซอฟท์ ก็มีบริการฝากไฟล์ในชื่อเก่าอย่าง SkyDrive และต่อมาจะเปลี่ยนเป็น OneDrive ก็ตาม เรื่องความเสถียร ระบบจัดการและความปลอดภัยนั้น ขึ้นชื่อมาเป็นอันดับต้น ๆ ถึงแม้จะให้พื้นที่ฟรีแค่ 5GB แต่ก็พอเพียงพอแล้ว สำหรับใช้งานส่วนตัว
3. Dropbox ใครไม่รู้จักบริการฝากไฟล์ค่ายนี้ ถือว่าเชยแหลก เพราะถือเป็นแอปพลิเคชันรุ่นเก๋า ที่ให้บริการเป็นเจ้าแรก ๆ จากวันนั้นจนวันนี้ พื้นที่ก็ยังให้เท่าเดิม ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงเช่นกัน นั่นคือ 2GB ส่วนใครอยากได้เพิ่ม ก็ชวนเพื่อนมาใช้ รับไปอีกสูงสุด 18GB
4. Jumpshare มีความละม้ายคล้ายคลึงกับ Dropbox ทั้งในส่วนของพื้นที่เก็บ และระบบการทำงาน ซึ่งค่ายนี้ให้พื้นที่มา 2GB สามารถเพิ่มได้อีก 18GB หากชวนเพื่อนมาสมัครสมาชิก ไฮไลต์ของค่ายนี้คือ สามารถบันทึกภาพหน้าจอ โหมดวิดีโอคลิป 30 วินาที แล้วเก็บไว้บนคลาวด์ได้
5. Sync ผู้ให้บริการคลาวด์ที่เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่ปี 2011 การันตีความปลอดภัยด้วยการเข้ารหัส AES 256 บิต แบบต้นทางถึงปลายทาง มีพื้นที่ฟรีมาให้จำนวน 5GB และถ้าเราชวนเพื่อนให้มาสมัคร จะได้รับ 1GB ต่อหนึ่งคน สามารถชวนเพื่อนได้ไม่จำกัด
6. Media Fire อีกหนึ่งบริการคลาวด์ที่อยู่ค้ำฟ้ามาอย่างยาวนาน แม้ว่าก่อนนี้ จะเคยให้พื้นที่เก็บไฟล์เยอะขนาดหนัก ปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ 10GB และสามารถขอเพิ่มได้ด้วยการชวนเพื่อนมาใช้ เราจะได้รับฟรีสูงสุดอีก 50GB
7. Yandex Disk เป็นบริการสัญชาติรัสเซีย ซึ่งอาจมีโดนแบนไปบ้างจากภาวะสงคราม แต่บ้านเราก็ยังมีให้ใช้กันอยู่ ภายใต้บริการฝากไฟล์ในชื่อ Yandex Disk ให้พื้นที่ฟรีมา 10GB
8. IceDrive หน้าใหม่ในวงการ เปิดตัวมาเมื่อปี 2019 มีระบบจัดไฟล์หลังบ้านที่หลากหลาย และราคาย่อมเยา พื้นที่ฟรีให้มา 10GB
9. Internxt ยืนหนึ่งเรื่องความปลอดภัย เพราะค่ายนี้ ชูจุดเด่นด้านการรักษาความเป็นส่วนตัว ด้วยการเข้ารหัสแบบ Zero-Knowledge ซึ่งมีเพียงเจ้าของไฟล์เท่านั้นที่มีสิทธิ์ แม้แต่เจ้าของผู้ให้บริการ ก็ไม่มีสิทธิ์เข้าถึง ให้พื้นที่ฟรี 10GB
10. Box ก่อนหน้าเราอาจเคยได้ยินชื่อ Box.net กันมาบ้างแล้ว อยากบอกว่า BOX ก็คือทีมพัฒนาชุดเดียวกัน ซึ่งค่ายนี้ในอดีต เคยเน้นไปที่การใช้งานในองค์กรเสียเป็นส่วนใหญ่ ปัจจุบัน ให้พื้นที่ใช้สอยฟรี 10GB ต่อบัญชี
11. 4shared หากใครเป็นนักฟังเพลงในยุค 90 คงคุ้นเคยกับชื่อนี้เป็นอย่างดี เนื่องจากในอดีตเคยเป็นแหล่งดาวน์โหลดเพลงระดับตำนาน ปัจจุบันพัฒนาหน้าตาเปลี่ยนแปลงไปเยอะ สามารถอัปโหลดไฟล์ได้หลากหลายนามสกุล และให้พื้นที่ฟรีมา 15GB
12. TeraBox เป็นแอปพลิเคชันที่ถูกพูดถึงอย่างมากในขณะนี้ เนื่องจากความโดดเด่นของพื้นที่ฟรี ซึ่งสมาชิกทั่วไป ให้มากถึง 1TB หรือ 1,000 GB
13. Letsupload ผู้ให้บริการฝากไฟล์ใจป้ำ ให้พื้นที่ฟรี 100GB มาพร้อมฟังก์ชันสำรองข้อมูล “อัตโนมัติ” มีฟีเจอร์การตั้งรหัสผ่านแต่ละไฟล์ หรือโฟลเดอร์ได้
14. Degoo เป็นบริการคลาวด์ในยุคแรก ๆ อีกเจ้าหนึ่งที่ยอมทุ่มทุนให้พื้นที่ฟรีมากถึง 100GB ยังไม่หมดนะครับ หากชวนเพื่อนให้มาใช้บริการ ยังมีโอกาสเพิ่มเนื้อที่อีก 500 GB แถมท้ายด้วยการดูโฆษณาก็สามารถแลกเนื้อที่เพิ่มได้นะ
15. pCloud แอปพลิเคชันน้องใหม่ ที่ให้พื้นที่ฟรีมา 10GB แต่ถ้าเพื่อนเยอะ ก็สามารถเพิ่มได้ถึง 20GB
16. Blomp ชูจุดเด่นเรื่องความเรียบง่าย มีพื้นที่ฟรี 20GB
17. Mega หลายปีมาแล้ว ค่ายนี้เคยโดนกระแสโจมตีเรื่องไฟล์ละเมิดลิขสิทธิ์อย่างหนัก (แอดมินเอง ณ ตอนนี้ก็เป็นส่วนหนึ่ง 🥺 แต่ตอนนี้มีเงินเดือนกินแล้ว เลิกทำแบบนั้นแล้วจ้า) ปัจจุบันพัฒนาระบบ จนกลับมาทวงความเป็นใหญ่ในระบบคลาวด์อีกครั้ง มีระบบการเข้ารหัสข้อมูลแบบ End-to-End ที่ล้ำหน้าสุด ๆ มาพร้อมกับพื้นที่ฟรี 20GB
หากแฟนๆ ครูไอทีสมัครใช้ทั้งหมดที่แนะนำมา เราจะได้พื้นที่เก็บไฟล์จำนวน 1,316GB ใช้สบายไปหลายปีเลยครับ