วัสดุในชีวิตประจำวัน

0
2850

สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ สร้างขึ้นจากวัสดุหลายประเภท วัสดุแต่ละประเภทมีสมบัติและลักษณะที่แตกต่างกัน การเลือกใช้วัสดุให้ถูกต้องและเหมาะสมจึงมีความสำคัญต่อการออกแบบและสร้างสิ่งของเครื่องใช้

วัสดุที่นำมาทำสิ่งของเครื่องใช้ที่เราพบเจอในชีวิตประจำวัน เช่น ไม้ โลหะ พลาสติก ยาง มีสมบัติและการใช้งานที่แตกต่างกัน ดังนี้


ไม้ (wood)

ไม้ คือ วัสดุธรรมชาติที่ได้มาจากลำต้นของต้นไม้ ซึ่งส่วนใหญ่เป็นไม้ยืนต้น ไม้มีความแข็งแรง ทนทาน ต้านทานไฟฟ้า ไม่เป็นสนิม มีรูปร่างคงตัว ผิวเรียบ มีกลิ่น และมีลวดลาย ถ้าได้รับความชื้นเป็นเวลานานอาจบวมผิดรูป และผุได้ ไม้แบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ

ไม้จริงหรือไม้ธรรมชาติ (natural wood or solid wood) คือ ไม้ที่ได้มาจากลำต้นของต้นไม้โดยตรง แบ่งได้เป็น 2 ประเภทคือ ไม้เนื้อแข็ง (hardwood) และไม้เนื้ออ่อน (softwood)


ไม้ประกอบ (processed wood) คือ ไม้ที่ได้มาจากการนำชิ้นส่วนของไม้มาต่อรวมกันด้วยกระบวนการต่างๆ ไม้ประกอบมีหลายประเภท เช่น ไม้อัด ไม้ปาร์ติเคิลบอร์ด


โลหะ (metals)

โลหะ คือ วัสดุที่ได้จากการถลุงสินแร่ต่างๆ โลหะที่นำมาใช้งานส่วนใหญ่จะผ่านการปรับปรุงสมบัติให้ดีขึ้นก่อนนำมาใช้งาน โลหะเป็นตัวนำความร้อนและไฟฟ้า มีความแข็งแรงสูง มีความคงทนถาวร ไม่เสื่อมสลาย เป็นวัตถุทึบแสง ทาทานต่อการกัดกร่อน โลหะแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ

โลหะกลุ่มเหล็ก (ferrous metals) คือ โลหะที่มีเหล็กเป็นส่วนประกอบหลัก แบ่งออกเป็นเหล็กกล้า (steel) และเหล็กหล่อ (cast Iron) ซึ่งมีธาตุคาร์บอนผสมอยู่ในปริมาณที่ต่างกันตั้งแต่ 0.1% ไปจนถึง 4.0% คาร์บอนที่ผสมลงในเหล็กมีผลต่อความแข็งและเปราะของเหล็ก โดยทั่วไปโลหะกลุ่มเหล็กจะเกิดสนิมและมีสมบัติดูดติดกับแม่เหล็กได้


โลหะนอกกลุ่มเหล็ก (non-ferrous metals) คือ โลหะที่ไม่มีเหล็กเป็นส่วนประกอบ ดังนั้นโลหะประเภทนี้จะไม่เกิดสนิม และไม่ดูดติดกับแม่เหล็ก เช่น อะลูมิเนียม ทองแดง สังกะสี ทองเหลือง


พลาสติก (plastics)

พลาสติก คือ วัสดุสังเคราะห์ที่มนุษย์สร้างขึ้น ส่วนใหญ่เป็นผลผลิตที่ได้จากการกลั่นน้ำมันดิบ ปัจจุบันพลาสติกนำมาใช้สร้างสิ่งของเครื่องใช้มากมายและมีบทบาทอย่างยิ่งต่อการดำเนินชีวิตประจำวัน พลาสติกแบ่งออกได้เป็น 2 ประเภทคือ

เทอร์โมพลาสติก (thermoplastics) จะอ่อนตัวและหลอมเหลวเมื่อได้รับความร้อนและจะแข็งตัวเมื่อทำให้เย็นลง พลาสติกที่แข็งตัวแล้วสามารถนำมาหลอมซ้ำได้ด้วยความร้อน

เทอร์โมเซตติงพลาสติก (Thermosetting plastic) เป็นพลาสติกที่มีสมบัติพิเศษ คือทนทานต่อการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิและทนปฏิกิริยาเคมีได้ดี


ยาง (rubber)

ยาง คือ วัสดุที่มีความยืดหยุ่น ถูกนำไปแปรรูปเพื่อใช้ประโยชน์ในการสร้างสิ่งของเครื่องใช้หลายชนิด สามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ

ยางธรรมชาติ (natural rubber) คือ ผลผลิตที่ได้จากต้นยาง เมื่อยางอยู่ในสภาวะอุณหภูมิต่ำจะแข็งกระด้าง เมื่อยางอยู่ในสภาวะอุณหภูมิสูงจะอ่อนนิ่ม มีความยืดหยุ่นสูง ทนต่อการสึกหรอ แต่ไม่ทนต่อตัวทำละลายพวกน้ำมันปิโตเลียม

ยางสังเคราะห์ (synthetic rubber) คือ ยางที่ได้จากการสังเคราะห์ทางเคมีเพื่อเลียนแบบยางธรรมชาติ ข้อดีคือ สามารถปรับปรุงสมบัติต่างๆ ได้